ความดันโลหิตสูง การทานอาหารควบคู่ไปกับการใช้ยาและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องรู้และเข้าใจประเภทของอาหารที่สามารถลดความดันโลหิตได้ แล้วอาหารอะไรที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เรียนรู้จากบทความนี้ แพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงในด้วยการปรับการรับประทานอาหาร หันไปหา แนวทางการบริโภคอาหารเพื่อหยุดความดันโลหิตสูงหรืออาหารที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต
โดยลดปริมาณโซเดียมตามคำแนะนำของ สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา คนทั่วไปควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,300 มก. ต่อวันหรือเท่ากับเกลือแกงประมาณ 1 ช้อนชา แต่ไม่ควรเกิน 1,500 มก. ต่อวัน สำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง แนะนำให้ผู้ป่วยลดปริมาณโซเดียมในแต่ละมื้อ กินอาหารหลากหลายที่อุดมด้วยสารอาหารที่สำคัญ เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม แมงกานีส มีผลลดความดันโลหิต
ดังนั้นควรตรวจสอบกับแพทย์หรือนักโภชนาการก่อน ผลเบอร์รี เช่น บลูเบอร์รี ราสเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี การศึกษาชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่าบลูเบอร์รีมีสารอาหารที่สำคัญโดยเฉพาะ เช่น ฟลาโวนอยด์ การรับประทานผลไม้ดังกล่าวอาจช่วยป้องกันความดันโลหิตสูง และลดความดันโลหิต โยเกิร์ตมีสารอาหารมากมาย ไขมันต่ำ ตามที่สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา ผู้หญิงที่กินโยเกิร์ต 6 หน่วยขึ้นไปต่อสัปดาห์อาจลดความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบฉลากบรรจุภัณฑ์เสมอสำหรับปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น เพราะน้ำตาลที่เติมเข้าไปมากอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เมล็ดพืชและถั่วต่างๆ เช่น เมล็ดทานตะวันไม่ใส่เกลือหรือเมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยโพแทสเซียม แมกนีเซียม ไฟเบอร์ และไฟโตเคมิคอลที่ช่วยลดความดันโลหิต ในเรื่องนี้เหมือนกัน ปลาที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ปลาแซลมอนและปลาแมคเคอเรลอุดมไปด้วยโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งอาจช่วยลดความดันโลหิตได้ และลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดดาร์กช็อกโกแลตคือช็อกโกแลตที่มีโกโก้มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำตาลน้อยกว่าปกติ จากการศึกษาวิจัย ผู้บริโภคช็อกโกแลตที่มีสีเข้มจะลดความดันโลหิตซิสโตลิกได้โดยเฉลี่ย 3 มิลลิเมตรปรอท และลดความดันโลหิตซิสโตลิกโดยเฉลี่ย 2 มิลลิเมตรปรอท ดังนั้น ดาร์กช็อกโกแลตอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการลดระดับความดันโลหิต ปริมาณรายวันไม่ควรเกิน 100 กรัม น้ำมันมะกอกเป็นไขมันดีที่ต็มไปด้วยโพลีฟีนอลที่อาจช่วยลดความดันโลหิตได้
อย่างไรก็ตาม กระเทียมเป็นอีกหนึ่งสารทดแทนที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน การวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติลดความดันโลหิตพบว่าสมุนไพรเหล่านี้เพิ่มระดับไนตริกออกไซด์ในร่างกาย สิ่งนี้กระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้ความดันโลหิตลดลง ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงไม่ควรละเลยอาหารที่แนะนำเหล่านี้ เพราะนอกจากจะหาซื้อได้ไม่ยากแล้วยังส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย
รับประทานอาหารอย่างมีการวางแผน เหมาะสม และปลอดภัย ตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักโภชนาการ เผื่อจะเกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพในอนาคต อีกทั้งผู้ที่เสี่ยงต่อโรค ความดันโลหิตสูง ตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุ ผู้สูบบุหรี่ และผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจความดันโลหิต และอาจต้องปรับอาหารเพื่อลดความดันโลหิต ถั่วชิกพี กับประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลาย
ถั่วชิกพีเป็นที่นิยมทั่วโลกโดยเฉพาะในเอเชียและแอฟริกาเหล่านี้เป็น บัตเตอร์นัท กลมขนาดเล็กที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสามารถรับประทานแทนได้ เนื้อสัตว์สามารถรับประทานได้สำหรับผู้ทานมังสวิรัติหรือไม่ทานเนื้อสัตว์ โดยทั่วไป ถั่วชิกพี 30 กรัมให้พลังงาน 50 แคลอรี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากคาร์โบไฮเดรต ถั่วชิกพียังมีโปรตีน ไขมันดี ไฟเบอร์ วิตามินและแร่ธาตุสูง คิดว่าถั่วชิกพีอาจช่วยลดน้ำหนักและลดคอเลสเตอรอลได้
เพราะถั่วชิกพี มีประโยชน์ต่อสุขภาพและอาจช่วยป้องกันโรคบางชนิดได้ ดังนั้น การศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นจึงชี้ให้เห็นถึงคุณสมบัติของถั่วชิกพีในรูปแบบต่างๆ โดยปกติแล้วระดับน้ำตาลในเลือดของคนทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 90-150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หากน้ำตาลในเลือดของคุณสูงไป คุณอาจเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้ และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้เนื่องจากถั่วชิกพีมีโปรตีนและไฟเบอร์สูง ช่วยจัดการระดับน้ำตาลในเลือด
การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าถั่วชิกพีมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ดัชนีน้ำตาลเป็นค่าที่บ่งชี้ว่าอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ การศึกษาอื่นพบว่าผู้ที่ทานถั่วชิกพีมีการลดน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าผู้ที่รับประทานขนมปังขาวหรือข้าวสาลี ถั่วชิกพีช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้เป็นการศึกษาขนาดเล็กในระยะสั้นของประชากรกลุ่มเล็กๆ
การศึกษาผลกระทบระยะยาวอีก 1 เดือนพบว่าการรับประทานถั่วชิกพี แป้งโฮลวีต และขนมปังขาวไม่มีผลต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือดหรือสิ่งอื่นใด จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม การยืนยันเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของถั่วชิกพีในด้านนี้อีกครั้งเป็นที่รู้กันว่าถั่วชิกพีมีไฟเบอร์สูง ดีต่อระบบทางเดินอาหาร ไฟเบอร์ส่วนใหญ่ที่พบในถั่วนี้เป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ไฟเบอร์ประเภทนี้อาจเพิ่มเวลาที่ใช้ในการดูดซึมอาหารในลำไส้ ช่วยให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้น
การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าผู้ที่กินถั่วชิกพีทุกวันจะมีการเคลื่อนไหวของลำไส้บ่อยขึ้น อุจจาระของพวกเขายังพบว่านิ่มกว่าคนที่ไม่กินถั่วชิกพีเลย ด้วยเหตุนี้จึงคิดว่าการกินถั่วชิกพีอาจช่วยเพิ่มการทำงานของลำไส้ได้ เนื่องจากถั่วชิกพีให้พลังงานหรือแคลอรีค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับสารอาหารประเภทต่างๆ หลายคนเชื่อว่าถั่วนี้อาจช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนัก มีการศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของการควบคุมน้ำหนักของถั่วชิกพี
ในขณะที่ถั่วชิกพีมีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย ผู้บริโภคไม่ควรกินถั่วชิกพีมากเกินไป สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดแก๊สหรือเพิ่มปริมาณแก๊สในร่างกายของคุณ ควรรับประทานถั่วชิกพีในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อให้ได้ผลมากที่สุด นอกจากนี้ หากรับประทานถั่วชิกพีแล้วมีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์ทันที
บทความที่น่าสนใจ บาทูมี อธิบายความรู้เกี่ยวกับที่สถานที่ท่องเที่ยวบาทูมีของประเทศจอร์เจีย